Tourist attraction แหล่งท่องเที่ยว

แลวิถี…มนารา

Touching Manara Lifestyle


“ทักษิณราชตำหนัก  ชนรักศาสนา  นราทัศน์เพลินตา  บาโจตรึงใจ  แหล่งใหญ่แร่ทอง  ลองกองหอมหวาน


“Taksin palace…Faithful religion…joyful Narathat…Amazing Bajo…Big gold mine…SweetyLongkong”


เดิมชื่อ  “มนารา หรือ มนารอ”  ภาษามลายูหมายถึง  “หอคอย”  ที่กลายมาจากคำว่า  “กูวาลา  มนารา”

หมายถึง  “กระโจมไฟ”  หรือ  “หอคอยที่ปากน้ำ”  ส่วนชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธเรียกว่า  “บางนรา  หรือ  บางนาค”


It is formerly known as “Manara” or “Manara”. In Malay language means “tower”, transformed from original word “GuwalaManara”

that means “lighthouse” or “tower at the river edge”, mostly Buddhist called “Bang Nara or Bang Nak”


ครั้นต่อมาในปี  พ.ศ.2458  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  เสด็จประพาสมณฑลปักษ์ใต้  ทรงพระราชทานพระแสงศาสตราแก่บ้านเมือง

อีกทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  พระราชทานชื่อเมืองขึ้นใหม่ว่า  “นราธิวาส”  มีความหมายว่า  “อันเป็นที่อยู่…ของคนดี”


Later, in the year 2458 BE, King Rama VI visited Southern provinces giving the Provincial Emblem,

and also graciously gave the new city’s name called “Narathiwat”, which means “This is the place… of good people.”


มนารา  เมืองอันอุดมไว้ซึ่งความรัก  ความศรัทธาในห้วงเวลาที่ก้าวผ่านมิติแห่งประวัติศาสตร์  ศิลปวัฒนธรรม

ภาพสะท้อนวิถีความเป็นอยู่จึงออกมาสื่อในรูปแบบการทอดถ่ายชีวิตอย่างค่อย ๆ

เป็นไปเคียงข้างท่ามกลางธรรมชาติ  จึงไม่ใช่คำโอ้ปดหากจะหมายเทียบคำนิยามชวนปักหมุดมนราบุรีแห่งนี้ว่า

เมืองห้ามพลาด  เพราะนั่นจะทำให้ผู้มาเยือนตกอยู่ในภวังค์  ของการตกหลุมรักกับการดำเนินชีวิตในรูปแบบ…..วิถีสโลว์ไลฟ์


Manara, a fully loved city, faith in the passage of time throughout the history, art and culture.

It reflected the way of life gradually living

among nature which can define “Monaraburi ” as the place that you should not miss,

and also make the visitors fall in love with living in a way of slow life.